Facebook
Twitter
LinkedIn
Email

เทคนิค วิธีการซื้อบ้านมือสองให้ตรงใจฉบับเข้าใจง่าย

บ้านมือสองเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของผู้คนที่กำลังหาบ้านในยุคนี้ แต่การคิดจะซื้อบ้านมือสองสักหลังต้องตัดสินใจให้ดี ซึ่งทีมงาน บ้านมือสองนนทบุรี ทำเลดี ได้นำเทคนิคดีๆ มาฝากคนที่กำลังหาบ้าน

ก่อนอื่นเราต้องรู้เหตุผลที่แท้จริงในการขายบ้านมือสองหรือคอนโดมือสองของเจ้าของบ้านก่อน
เหตุผลในการประกาศขายของเจ้าของเก่ามีหลายประการมากมาย เราจึงควรทราบเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจและต่อรองราคา เนื่องจากบางสาเหตุอาจส่งผลกระทบในอนาคตได้ เช่น ขายบ้านเนื่องจากมีภาระหนี้สินคงค้าง หรืออาจถูกเจ้าหนี้บังคับขาย หรือขายเพราะปัญหาเพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมรอบๆ
 
☺อีกหนึ่งขั้นตอนต่อมาคือการตรวจสอบโฉนดที่ดินของบ้านมือสอง หรือเอกสารกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคอนโดที่จะซื้อ ว่าข้อมูลถูกต้องหรือไม่ 
เนื่องจากโฉนดที่ผู้ขายนำมาข้อมูลอาจจะไม่ถูกต้องหรืออาจมีการถูกอายัดตามกฎหมาย เราจึงควรตรวจสอบรายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก่อน เพื่อป้องกันการแอบอ้างขายบ้านมือสองของผู้อื่น ในกรณีที่จำเป็นต้องตกลงซื้อขายกับผู้อื่น เช่น ญาติหรือตัวแทน จะต้องให้ผู้ขายนั้นแสดงหลักฐานใบมอบอำนาจพร้อมหลักฐานประกอบอื่น ๆ ที่ชัดเจนก่อนเสมอ เพราะหากได้ตกลงทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ผู้ซื้อเกิดความวุ่นวายตามมาในภายหลังได้ ใบปลอดหนี้ก็เป็นหนึ่งในเอกสารที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินค่าส่วนกลางในการอยู่อาศัยในคอนโดหรือโครงการบ้าน หากขาดเอกสารนี้จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินได้ โดยผู้ขายหรือตัวแทนต้องเป็นผู้ดำเนินการขอเอกสารนี้ที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายค้างชำระ (ถ้ามี) ไม่เช่นนั้นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้เอง
 
☺ขั้นตอนที่สำคัญมากๆก็คือ ขั้นตอนการตรวจเช็คสภาพบ้านที่จะซื้อให้ละเอียด
ก่อนจะตัดสินใจเลือกบ้านเราควรสังเกตรายละเอียดของตัวบ้านก่อน ทั้งโครงสร้างบ้านมือสองและสภาพแวดล้อมด้วยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของเก่าต้องการจะขายจึงอาจจงใจปิดบังข้อเสียของบ้าน ปัญหาด้านโครงสร้าง หรือการใช้งานอื่นๆ ให้ผู้ซื้อทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาก็เป็นได้ เช่น พื้นดินรอบบ้านหรือรั้วทรุดตัว เสาหรือคานมีรอยแตกร้าวลึก หากพบเห็นสิ่งเหล่านี้ ผู้ซื้อควรปรึกษาผู้รับเหมาหรือทีมช่างเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการแก้ไขก่อนที่จะตกลงต่อรองเรื่องราคากับผู้ขาย
 
☺ขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยก่อนเงินจะออกจากบัญชี

เมื่อเลือกบ้านมือสองที่ถูกใจได้แล้ว ผู้ซื้อควรติดต่อผู้ขายเพื่อตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน โดยควรระบุราคาที่ตกลงซื้อขาย รวมถึงค่ามัดจำ และระยะเวลาที่ต้องชำระส่วนที่เหลือให้ชัดเจน หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ภายในกำหนด ผู้ขายมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำเช่นกัน ซึ่งเมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว ผู้ขายจะต้องให้สำเนาโฉนดที่ดินหรือเอกสารกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพื่อใช้ในการดำเนินการยื่นกู้กับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ในสัญญาจะซื้อจะขายต้องระบุรายละเอียดในเรื่องค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจนว่า ฝ่ายใดจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตกลงแบ่งจ่ายกันอย่างไร โดยหลักแล้วค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์มีดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินที่ดินหรือราคาซื้อขาย ส่วนใหญ่แบ่งจ่ายคนละครึ่งกับผู้ขาย (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าโอนกรรมสิทธิ์จะเหลือ 1%)
  • ค่าจดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด ในกรณีที่ขอยื่นกู้กับสถาบันการเงินเท่านั้น (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าจดจำนองจะเหลือ 0.01%)
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน

 

☺และสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือการเลือก เอเจนต์ ที่น่าเชื่อถือเป็นตัวช่วยในการจัดหาบ้านมือสอง

การซื้อบ้านมือสอง หรือคอนโดมือสอง มีดีเทลหลายอย่างที่แตกต่างไปจากการซื้อบ้านใหม่ จึงอาจเป็นเรื่องวุ่นวายสำหรับผู้ที่ไม่เคยซื้อบ้านมือสองมาก่อน การเลือกใช้บริการนายหน้าหรือเอเจนต์ (ตัวแทน) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ นอกจากนายหน้าหรือเอเจนต์ (ตัวแทน) จะมีความรู้และความเชี่ยวชาญมากกว่าในธุรกิจอสังหาฯ แล้ว ยังสามารถให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การจัดเตรียมเอกสารและขั้นตอนการดำเนินการต่างๆจนโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้น ซึ่งเป็นตัวช่วยประหยัดเวลาของผู้ซื้อมือใหม่ได้ไม่น้อย